วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

โครงการเรียนรู้เชิงวิชาการจากหน่วยงานภายนอกมหาวิทยาลัย






ณ. แหล่งเรียนรู้ชุมชนบ้านหลังเรียนปู่ทวดครูสิงห์









         โครงการบ้านหลังเรียน “แหล่งเรียนรู้ชุมชนบ้านหลังเรียนปู่ทวดครูสิงห์” บ้านกุดแคน ต.หนองโน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสานต่ออุดมการณ์ของ “ปู่ทวดครูสิงห์ ฤทธิเดช” อดีตครูประชาบาลที่มีความต้องการสร้างโรงเรียนให้ชุมชน และเพื่อแก้ปัญหาเยาวชนใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนไปทำกิจกรรมเสี่ยง ด้วยการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อกันเด็กและเยาวชนไม่ให้หลงทางเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เสี่ยงในสังคม ให้หันมาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ภายใต้แนวคิดเด็กนำผู้ใหญ่หนุนโดยมีดร.ประสพสุข ฤทธิเดช หรือ “อาจารย์ป้าต๋อย” ผู้อำนวยการและผู้ประสานงานแหล่งเรียนรู้ชุมชนฯ



สามารถดาวน์โหลดรายละเอียดโครงการ คลิกที่นี่

โครงการเรียนรู้จากหน่วยงานภายนอกมหาวิทยาลัย

ณ บ้านหลังเรียนปู่ทวดครูสิงห์ ฤทธิเดช

 

แหล่งเรียนรู้ชุมชน ครอบครัวปู่ทวดครูสิงห์ สืบสานเจตนารมณ์บรรพบุรุษจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ชุมชนบ้านหลังเรียน สอนพิเศษให้กับนักเรียนในชุมชน

              แหล่งเรียนรู้รู้ชุมชนหรือบ้านหลังเรียนของหลวงปู่ทวดครูสิงห์ ซึ่งเป็นสถานทีบ้านหลังเล็กเปรียบเหมือนสถานศึกษาศิษย์ที่บุตรและธิดาได้สืบสานอุดมการณ์ต่อจากวิถีคิดของพ่อกับแม่ว่า ต้องการสร้างโรงเรียนให้การศึกษาแก่บุตรหลานในชุมชนตนเอง ที่บ้านกุดแคนหมู่ 6 ตำบลหนองโน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ครอบครัวปู่ทวดครูสิงห์และแม่สง่า ฤทธิเดช ได้ร่วมกันจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ชุมชนบ้านหลังเรียนปู่ทวดครูสิงห์แม่สง่า ฤทธิเดช เปิดสอนพิเศษให้กับนักเรียนในชุมชนตำบลหนองโน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม โดยเปิดทำการสอนให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งสิ้น 80 คน จาก 12 หมู่บ้าน เปิดเรียนวันเสาร์ และวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 09.30 น.-12.30น.โดย โดยห้องเรียนใช้บริเวณห้องโถงข้างบ้าน และสวนหลังบ้านใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ



 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสารสนเทศเพื่อการศึกษา






สามารถดาวน์โหลดรายละเอียดโครงการ คลิกที่นี่
 
 
 
 
 
นิทานเรื่อง เสือกับความมั่นใจ
 
ผู้แต่ง
 
นางสาวปัทมา  เจินยุหะ
 
จำนวน 12 หน้า
สามารถดาวน์โหลด คลิกที่นี่
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 


วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

           




                   ขอแนะนำบล็อกที่รวบรวมผลงานหนังสือนิทานอีบุ้ค (e-book) หรือหนังสือนิทานอิเล็กทรอนิกส์ ผลงานทั้งหมดจัดทำขึ้นโดยนักศึกษาที่เรียนในรายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสานสนเทศเพื่อการศึกษา สอนโดย อาจารย์อัจฉริยะ วะทา โดยบล็อกนี้มีชื่อว่า atinno.blogspot.com
มีหนังสือนิทานอีบุ้คที่เป็นฝีมือของนักศึกษาในหลายๆ สาขา หลายเรื่องน่าอ่านและสามารถโหลดเก็บไว้หรือนำไปสอนได้ด้วย

อย่าลืมนะค่ะ เป็นเว็บที่อยากจะแนะนำ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะทำหนังสือแบบทำมือและทำเป็นอีบุ้ค (e-book)

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

นิราศ

 

นิราศตามพจนานุกรมให้ความหมายว่า

นิราศ    (กริยา) ไปจาก ระเหเร่ร่อน ปราศจาก
              (นาม)  เรื่องราวที่พรรณนาถึงการจากกัน หรือจากที่อยู่ไปในที่ต่างๆ มักแต่งเป็นบทกลอน เช่น นิราศเมืองแกลง นิราศนรินทร์
 ลักษณะหนังสือนิราศ  พอสรุปได้ ๒ ลักษณะคือ
            1.  เป็นหนังสือที่แต่งขึ้นเพื่ออารมณ์กวี  อันเนื่องมาจากเดินทางพลัดพรากจากที่อยู่เดิมไปชั่วคราว
            2. เป็นหนังสือที่แต่งขึ้นเพื่อสะท้อนทัศนะกวี จดเป็นจดหมายเหตุและประมวลสภาพที่เดินทางไปพบเห็น
 ความเป็นมาของกลอนนิราศ
          นิราศเป็นวรรณกรรมที่นิยมแต่งมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมนิยมแต่งเป็นโคลง ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์นิยมแต่งเป็นกลอน การที่กวี
นิยมแต่งนิราศ สันนิษฐานว่าเพราะการเดินทางในสมัยก่อนต้องใช้เวลาในการเดินทาง ถ้าไปทางบกใช้เกวียน ถ้าไปทางเรือ ก็ใช้เรือแจวเรือพาย
กวีจึงแก้ความเบื่อหน่ายด้วยการระบายความรู้สึกนึกคิดออกมาเป็นตัวอักษร พรรณนาหนทางที่ผ่านไปและรำพันถึงนางอันเป็นที่รัก
            จุดสำคัญของการแต่งนิราศจึงอยู่ที่ การจากคนรัก เมื่อจากก็เป็นทุกข์ เมื่อเกิดทุกข์ก็ต้องคร่ำครวญ  ดังที่สุนทรภู่ขึ้นต้นนิราศอิเหนาว่า
นิราศร้างห่างเหเสน่หา นั้นน่าจะเป็นคำนิยามให้เห็นชัดเจนว่า ถ้าหนังสือได้มีการพัฒนาจากเคหสถาน บรรยายสิ่งที่พบเห็นระหว่างทางแต่
ไม่ได้กล่าวถึงการจากหญิงที่รักมา ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังสือนิราศ คงเป็นเพียงหนังสือบันทึกการท่องเที่ยวเท่านั้น
 การตั้งชื่อเรื่องนิราศ
1. ตั้งชื่อตามชื่อผู้แต่ง เช่นนิราศนรินทร์
2. ตั้งชื่อตามสถานที่ที่เป็นจุดหมายปลายทาง เช่น หม่อมราโชทัยไปงานทูตที่กรุงลอนดอน เรียก นิราศลอนดอน สุนทรภู่เดินทางไปจังหวัด
ต่างๆ ก็เรียกชื่อตามจังหวัดนั้นๆ เช่น นิราศสุพรรณ  นิราศเมืองแกลง
3. เรียกตามเนื้อหาที่พรรณนา เช่น นิราศอิเหนา นิราศเดือน (พรรณนาตามเดือนต่างๆ)
ลักษณะคำประพันธ์
เป็นไปตามนิยมของแต่ละสมัย หรือตามความพอใจของกวีเอง เช่น แต่งเป็นกลอน โคลง กาพย์ ฉันท์ เป็นต้น
ถ้าแต่งเป็นโคลง  ส่วนมากขึ้นต้นด้วยร่าย  ที่มีใจความสดุดีบ้านเมือง
ในสมัยปัจจุบันแต่งนิราศด้วยกลอนสุภาพและกลอนนิราศที่เป็นตัวอย่างในการแต่งต่อๆ มา คือกลอนนิราศของสุนทรภู่ เพราะมี กระบวนกลอนที่ไพเราะมีสัมผัสในกลอนนิราศ
ลักษณะข้อบังคับของกลอนนิราศเหมือนกลอนสุภาพทุกประการ แต่กลอนนิราศจะขึ้นต้นบทวรรคที่ 2 หรือวรรครับ และแต่งต่อไปจนจบเรื่อง          ลงท้ายบทตอนจบด้วยคำว่า เอย” 

 

                       รายชื่อหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์

            ซีไรท์ ทับศัพท์มาจากคำว่า S.E.A. Write ซึ่งย่อมาจาก Southeast Asian Writers' Award หมายถึง รางวัลวรรณกรรมที่มอบ ให้แก่ นักเขียน 10 ประเทศอาเซียน ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ชื่อเต็มในภาษาไทย คือ "รางวัลวรรณกรรมดีเด่นอาเซียน" แต่มักจะเรียกย่อๆว่า รางวัล ซีไรท์ อันเป็นชื่อซึ่งรู้จักกันทั่วไปในวงการ ประพันธ์ของประเทศไทย
ประวัติความเป็นมาของรางวัลซีไรท์
เมื่อต้นปี พ.ศ. 2522 ฝ่ายบริหารของโรงแรมโอเรียนเต็ลได้ริเริ่มรางวัลนี้ เนื่องจากโรงแรมโอเรียนเต็ลมีประวัติเกี่ยวข้องกับนักเขียนชั้นนำของโลกมาเป็นเวลาช้านาน จะเห็นได้จากการที่จัดส่วนหนึ่งเป็น " ตึกนักเขียน" (AUTHORS' RESIDENCE) ขึ้น ประกอบด้วยห้องชุดพิเศษ โดยใช้ชื่อนักเขียนคนสำคัญที่เคยมาพัก ได้แก่ ซอมเมอร์เซ้ท มอห์ม, โนเอล โคเวิด, โจเซฟ คอนราด และเจมส์ มิเชนเนอร์ นอกจากนี้ยังมีห้องชุด เกรแฮม กรีน, จอห์นเลอ คาร์เร่ และ บาบาร่า คาร์แลนด์ ในตึกริเวอร์วิงด้วย ฝ่ายบริหารของโรงแรมโอเรียนเต็ลจึงได้ร่วมปรึกษากับ บริษัท การบินไทย และกลุ่มบริษัทในเครือ อิตัลไทย จัดตั้งรางวัลวรรณกรรมนี้ขึ้น โดยมีพระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรม บุรฉัตร ทรงเป็นประธานและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย และสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย ต่อมามูลนิธิจิม ทอมป์สัน ได้เข้าร่วมในปี พ.ศ. 2524 (แต่ถอนตัวออกในปี 2530), ธนาคารกรุงเทพ เข้าร่วมในปี พ.ศ. 2527 และ บริษัทริชมอนเด้ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมในปี พ.ศ. 2531 หัวข้อในการหารือในครั้งนั้นคือ การส่งเสริมนักเขียนในกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 และการเผยแพร่ให้โลกรู้ถึงวัฒนธรรมทางวรรณกรรมของภูมิภาคนี้


ครั้งที่
ปี
ชื่อหนังสือ
ชื่อผู้แต่ง
ประเภท
1
2522
ลูกอีสานคำพูน บุญทวีกวีนิพนธ์
2
2523
เพียงความเคลื่อนไหวเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์กวีนิพนธ์
3
2524
ขุนทองเจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสางอัศศิริ ธรรมโชติเรื่องสั้น
4
2525
คำพิพากษาชาติ กอบจิตตินิยาย
5
2526
นาฏกรรมบนลานกว้างคมทวน คันธนูกวีนิพนธ์
6
2527
ซอยเดียวกันวานิช จรุงกิจอนันต์เรื่องสั้น
7
2528
ปูนปิดทองกฤษณา อโศกสินนิยาย
8
2529
ปณิธานกวีอังคาร กัลยาณพงศ์กวีนิพนธ์
9
2530
ก่อกองทรายไพฑูรย์ ธัญญาเรื่องสั้น
10
2531
ตลิ่งสูง ซุงหนักนิคม รายยาวานิยาย
11
2532
ใบไม้ที่หายไปจิรนันท์ พิตรปรีชากวีนิพนธ์
12
2533
อัญมณีแห่งชีวิตอัญชันเรื่องสั้น
13
2534
เจ้าจันทร์ผมหอมมาลา คำจันทร์นิยาย
14
2535
มือนั้นสีขาวศักดิ์ศิริ มีสมสืบกวีนิพนธ์
15
2536
ครอบครัวกลางถนนศิลา โคมฉายเรื่องสั้น
16
2537
เวลาชาติ กอบจิตตินิยาย
17
2538
ม้าก้านกล้วยไพวรินทร์ ขาวงามกวีนิพนธ์
18
2539
แผ่นดินอื่นกนกพงศ์ สงสมพันธ์เรื่องสั้น
19
2540
ประชาธิปไตยบนเส้นขนานวินทร์ เลียววารินทร์นิยาย
20
2541
ในเวลาแรคำ ประโดยคำกวีนิพนธ์
21
2542
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนวินทร์ เลียววารินทร์เรื่องสั้น
22
2543
อมตะวิมล ไทรนิ่มนวลนิยาย
23
2544
บ้านเก่าโชคชัย บัณฑิตกวีนิพนธ์
24
2545
ความน่าจะเป็นปราบดา หยุ่นเรื่องสั้น
25
2546
ช่างสำราญเดือนวาด พิมวนานิยาย
26
2547
แม่น้ำรำลึกเรวัตร์ พันธ์พิพัฒน์กวีนิพนธ์
27
2548
เจ้าหงิญบินหลา สันกลาคิรีเรื่องสั้น
28
2549
ความสุขของกะทิงามพรรณ เวชชาชีวะนวนิยาย
29
2550
โลกในดวงตาข้าพเจ้ามนตรี ศรียงค์บทกวี
30
2551
เราหลงลืมอะไรบางอย่างวัชระ สัจจะสารสินรวมเรื่องสั้น
31
2552
ลับแล แก่งคอยอุทิศ เหมะมูลนวนิยาย

คำราชาศัพท์ 

 
คำราชาศัพท์ หมายความว่า ศัพท์หลวง ศัพท์ราชการ และหมายรวมถึงคำสุภาพซึ่งนำมาใช้ให้ถูกต้องตามชั้นหรือฐานะของบุคคล บุคคลผู้ที่พูดต้องใช้ราชาศัพท์ด้วย
จำแนกเป็น 5 ประเภท คือ
1. พระมหากษัตริย์
2. พระบรมวงศานุวงศ์
3. พระสงฆ์
4. ข้าราชการชั้นสูงหรือขุนนาง
5. สุภาพชนทั่วไป

คำราชาศัพท์แบ่งได้  6 หมวด คือ
1. หมวดร่างกาย
2. หมวดเครือญาติ
3. หมวดเครื่องใช้
4. หมวดกริยา
5. หมวดสรรพนาม
6. หมวดคำที่ใช้กับพระสงฆ์
หมวดร่างกาย
หมวดเครือญาติ    
หมวดเครื่องใช้
หมวดคำกริยา
หมวดสรรพนาม
หมวดคำที่ใช้กับพระสงฆ์


คำสุภาพ
คำที่เหมาะใช้กับบุคคลทั่วไป เป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน



ข้อสังเกต
เกี่ยวกับการใช้คำราชาศัพท์ ระดับพระมหากษัตริย์และบรมวงศานุวงศ์
คำนาม
1. ใช้คำ “พระบรม” หรือ “พระบรมราช” นำหน้าคำนามที่สำคัญ ซึ่งสมควรจะเชิดชูให้เป็นเกียรติ
ตัวอย่าง พระบรมราชโองการ
พระบรมราชูปถัมภ์
พระบรมมหาราชวัง
พระบรมวงศานุวงศ์
2. ใช้คำ “พระราช” นำหน้าคำนามที่ใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์ซึ่งต้องการกล่าวไม่ให้ปนกับพระบรมวงศานุวงศ์ ตัวอย่าง
พระราชลัญจกร
พระราชประวัติ
พระราชดำริ
พระราชทรัพย์
3. ใช้คำ “พระ” นำหน้าคำนามทั่วไปเพื่อให้แตกต่างจากสามัญชน ตัวอย่าง
พระเก้าอี้
พระชะตา
พระโรค
พระตำหนัก
4. ใช้คำ “พระ” นำหน้าคำนามทั่วไปเพื่อให้แตกต่างจากสามัญชน
ยกเว้น
คำกริยา


กริยา คำว่า “ทรง”
คำว่าทรง ทรง ตามด้วย คำนาม มีความหมายถึง กษัตริย์เทพเจ้า
ตัวอย่าง ทรงธรรม ทรงชัย ทรงฉัตร     หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน
    ทรงหงส์            หมายถึง พระพรหม
    ทรงโค              หมายถึง พระอิศวร
    ทรงครุฑ            หมายถึง พระนารายณ์
คำว่าทรง คำนาม ตามด้วย ทรง บอกให้ทราบว่า สิ่งนั้นเป็นของพระมหากษัตริย์ หรือพระบรมวงศานุวงศ์ ตัวอย่าง เครื่องทรง รถพระที่นั่งทรง ม้าทรง
คำว่าทรงตามด้วยนามราชาศัพท์  ตัวอย่าง ทรงยินดี ทรงฟัง ทรงนิ่ง
คำว่าทรงหมายถึงทำ ตัวอย่าง ทรงบาตร     หมายถึง ใส่บาตร
    ทรงม้า        หมายถึง ขี่ม้า
    ทรงกรม        หมายถึง มีฐานันดรเป็นเจ้าต่างกรม
คำว่าทรงเมื่อใช้กับกริยา “มี” และ “เป็น”
• ถ้าคำนามข้างหน้าเป็นราชาศัพท์ ไม่ต้องใช้ทรง
ตัวอย่าง เป็นพระราชโอรส มีพระบรมราชโองการ
• ถ้าคำนามข้างหลังเป็นคำสามัญ ต้องใช้ทรง
ตัวอย่าง ทรงเป็นประธาน ทรงมีทุก